ประวัติ

มูลนิธิสุนันทากุมารีรัตน์

ในปีพุทธศักราช ๒๔๕๔ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับเป็นพระราชธุระให้มีการ ก่อสร้างพระตำหนักต่างๆ ซึ่งต่อมาได้แล้วเสร็จในปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ อาณาเขตของสวนสุนันทา มี เนื้อที่ ๑๑๒ ไร่ มีตำหนักทั้งหมด ๓๒ ตำหนัก เป็นที่ประทับของพระมเหสี พระราชธิดา พระบรมวงศานุ วงศ์ เจ้าจอมมารดาและเจ้าจอมในรัชกาลที่ ๕ จากการเป็นที่ประทับของพระบรมวงค์ชั้นสูง จึงมีผู้นำบุตรหลานจำนวนมากมาถวายตัวเป็น ข้าหลวง ในพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา โปรดให้จัดตั้ง “โรงเรียนนิภาคาร” ขึ้น เพื่อให้การศึกษาแก่เชื้อพระวงศ์และข้าหลวงจากตำหนักต่างๆ โดยมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้านิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี ทรงรับเป็น พระราชภาระในการดำเนินกิจการของโรงเรียน และมีพระดำริพัฒนาโรงเรียนนิภาคารให้ก้าวหน้ามาก ขึ้น แต่การดำเนินการเจริญก้าวหน้าในระยะหนึ่ง ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง วันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕ พระบรมวงศ์ต่างหวั่นเกรงภัยทางการเมือง จึงเสด็จโยกย้ายออกจากวัง สวนสุนันทา ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานวังสวนสุนันทาให้กระทรวงธรรมการ จัดเป็นสถานศึกษาสายสามัญสำหรับ เยาวชนสตรีที่ชื่อว่า โรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัย เปิดทำการสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐ บนพื้นที่ประมาณ ๖๘ ไร่ เริ่มจัดการศึกษาทั้ง แผนกประถมศึกษา แผนก มัธยมศึกษา และแผนกการฝึกหัดครู พุทธศักราช ๒๕๐๑ เปิดสอนฝึกหัดครูหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ. ชั้นสูง) และ กระทรวงศึกษาธิการอนุมัติให้ยกฐานะ โรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัย เป็น วิทยาลัยครูสวนสุนันทา จัดการเรียนการสอนเป็น ๓ ฝ่าย คือ ฝ่ายอุดมศึกษา ฝ่ายมัธยมศึกษา และฝ่ายประถมศึกษา จนกระทั่ง ในปี พุทธศักราช ๒๕๓๘ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน นามเป็น สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา สถานศึกษาแห่งนี้มีความเจริญก้าวหน้ามาโดยตลอด เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗ ได้รับการยกฐานะให้เป็น มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนสุนันทา มีฐานะเป็นนิติบุคคล การบริหารจัดการศึกษา มีความคล่องตัว มีความอิสระ และมีฐานะ ทัดเทียมกับมหาวิทยาลัยของรัฐ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาได้จัด โครงการที่สืบสาน สืบทอด และจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ เทิดทูนองค์รัชกาลที่ ๕ และสมเด็นพระนางเจ้าสุ นันทากุมารีรัตน์ มาโดยตลอด ดังนั้นในวโรกาสที่วังสวนสุนันทาจะครบรอบ ๘๐ ปี ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ จึงได้จัดโครงการสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนาง เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และสมเด็จพระบรมวงค์เธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางคทัศนยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี ซึ่งเป็นโครงการที่ทำต่อเนื่องมาจากโครงการงานเฉลิมฉลองครบรอบ ๗๕ ปี สวนสุนันทาจากพระราชอุทยานสู่สถานศึกษา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง รำลึกถึงอดีต ความเป็นมา และ สภาพปัจจุบัน ๑๐๕ ปี ของการจัดตั้งอุทยานสวนสุนันทาในพระปิยมหาราช สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระปิยมเหสี ในพระบาทสมเด็จ พระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้สวรรคตในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๒๓ อีกประมาณ ๒๐ ปีต่อมา ในปีพุทธศักราช ๒๔๔๑ หลังจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ กลับจาก เสด็จประพาสประเทศยุโรป พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้จัดสร้าง สวนสุนันทา ขึ้น มีลักษณะเป็น สวนป่า เพื่อให้เป็นที่ระลึกแด่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระมเหสีที่รักยิ่ง พระองค์หนึ่ง ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จ พระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยา ยมราช (ปั้น สุขุม) เป็นผู้อำนวยการสร้างสวนสุนันทาเพิ่มเติม จำนวน ๓๒ ตำหนัก และให้เชื่อมโยง ประตู จากวังสวนดุสิตผ่านมายังสวนสุนันทา เรียกว่า ประตูสุนันทาทวาร ซึ่งเริ่มดำเนินการสร้างตั้งแต่ พุทธศักราช ๒๔๕๔ สำเร็จในพุทธศักราช ๒๔๖๒ เพื่อจัดถวายเป็นที่ประทับของพระมเหสี พระราช ธิดา และบาทบริจาริกาในพระบาทสมเจพระบรมชนกนาถให้ดังที่ทรงตั้งพระราชปณิธานไว้ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปีพ.ศ.๒๔๗๕ ทำให้สวนสุนันทาและตำหนักจำนวน ๓๒ ตำหนักร้างไม่มีผู้พักอาศัย ตำหนักเกิดความทรุดโทรมไปเกือบ ๑๐ ปี ในปีพ.ศ.๒๔๘๐ กระทรวง ธรรมการในขณะนั้น(กระทรวงศึกษาธิการ) ได้รับพระบรมราชานุญาต จากพระบาทสมเด็จพระปรเมน ทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร โปรดเกล้าฯ ให้ สวนสุนันทา เป็นสถานที่ตั้งสถานศึกษา สำหรับสตรีสายสามัญขึ้น ให้ชื่อว่า โรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัย ต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็น “วิทยาลัย ครูสวนสุนันทา” ในปี พ.ศ.๒๕๑๘ ตามพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ. ๒๕๑๘ เปิดสอนถึงระดับ ปริญญาตรี หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต และได้รับพระราชทานนาม “สถาบันราชภัฏ” จากพระบาท สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปี พ.ศ.2535 ปี วิทยาลัย ครู 36 แห่งทั้งประเทศ ได้รับการยกวิทยฐานะให้เป็นสถาบันอุดมศึกษา จึงมีการตราพระราชบัญญัติ สถาบันราชภัฎ พ.ศ.๒๕๓๘ ขึ้น ผลิตบัณฑิตได้ไม่เกินระดับปริญญาตรี คำว่า ราชภัฎ ได้รับพระ มหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร พระราชทานนามให้สถาบันราชภัฎทั้ง 40 แห่ง ต่อมาปีพ.ศ.2547 สถาบันราชภัฏทั้ง 40 แห่ง ได้ยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย จึงมีพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ.2547 ขึ้น สถาบันราชภัฏ สวนสุนันทา จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทามาถึงทุกวันนี้ ความเกี่ยวข้องกับมูลนิธิสุนันทากุมารีรัตน์ มูลนิธิสุนันทากุมารีรัตน์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๔๖ หลัง จากที่ได้รับพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อมูลนิธิว่า มูลนิธิสุนันทากุมารีรัตน์ (เอกสารแนบ ๑) จึงได้ทำการขอ อนุญาตจดทะเบียนมูลนิธิสุนันทากุมารีรัตน์ (เอกสารแนบ ๒ และ ๓) โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ เพื่อการเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงค์ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เนื่องในวาระที่พระองค์มีพระ ชนมายุครบรอบ ๑๕๐ พรรษา เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในวันครบรอบ ๗๕ ปี ของมหาวิทยาลัยในปี พ.ศ.๒๕๕๐ เพื่อเป็นการช่วยเหลือสาธารณกุศลและการสร้างจิตอาสา เพื่อให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช อธิการบดีในขณะนั้น (๒๕๔๘-๒๕๕๖) พร้อมทั้งบุคลากร นักศึกษา ศิษย์เก่า ประชาชนผู้เคารพศรัทธา ในสมเด็จ พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมกันบริจาคทุนสมทบ เพื่อจัดสร้าง ศาลปราสาท สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เดิมเป็นที่ตั้งสถูป ที่ประชาคมชาวสวนสุนันทาและศิษย์เก่า ได้ เคารพสักการะมาเป็นเวลาอันยาวนาน นับตั้งแต่เป็นโรงเรียนฝึกหัดครูสุนันทา ที่ เรียกชื่อกันต่อ ๆ กัน มาว่า ศาลพระนาง ตั้งอยู่ ณ บริเวณบนเนินดินสูงติดกับสระอะโนดาดภายในมหาวิทยาลัย กอปรกับ เป็นศาลที่มีอายุเก่าแก่ อายุกว่า ๖๐ ปี สถูปหรือศาลได้เกิดการชำรุดทรุดโทรม ซึ่งไม่สมพระเกียรติ ของพระองค์ท่าน ดังนั้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๕ ที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิสุนันทากุมารีรัตน์ ได้อนุมัติโครงการสร้าง ศาล ปราสาทสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ด้วยเงินของมูลนิธิฯ ประมาณ ๙ ล้านกว่าบาท ออกแบบโดยนายอนุชิต สุนทรกิติ เป็นสถาปนิกด้านสถาปัตยกรรมไทย ศาลปราสาทฯ มีลักษณะเป็น ศาลปราสาททรงไทยประยุกต์ แบบ ๘ เหลี่ยม มีขนาดกว้างด้านละ ๘ เมตร พื้นที่ภายในทั้งหมด ๖๔ ตารางเมตร (ดูภาพศาลปราสาทฯ แนบ) ศาลปราสาทนี้มีความสวยและสง่างาม ภายในศาลปราสาทฯ มีการนำเสนอพระราชประวัติทั้ง ๓ พระองค์ ด้วยระบบสื่อผสม (multi-media) และสื่อใหม่ (new media) รอบอาคารมีช่องกระจก วาดด้วยกระจกสีรูปทรงแบบ ๘ เหลี่ยม จำนวน ๘ บานติดอยู่บน หน้าต่างทั้ง ๘ ด้าน กระจกสีรูปทรงแบบ ๘ ประดับด้วยตราพระราชลัญจกรและตราประจำพระองค์ ได้แก่ ตราพระราชลัญจกรล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ตราพระราชลัญจกรรัชกาลที่ ๙ ตราพระลัญจกรสมเด็จ พนะนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระองค์เจ้าสายสวรีย์ภิรมย์ และเจ้าจอมที่เคยประทับในวังสวนสุนันทา เดิมสถานที่บริเวณที่ตั้งศาลประสาทพระนางฯ นี้ ผู้บริหารและบุคลากรชาวสวนสุนันทา ได้สร้างขึ้นเป็น ลักษณะเป็นศาล เรียกว่า ศาลพระนาง (เอกสารแนบ ๔) เป็นสิ่งที่ชาวสวนสุนันทาในทุกยุค ทุกสมัย ซึ่ง ทุกคนต่างเรียกตัวเองว่า ลูกพระนาง จึงถือเป็นได้ว่าเป็นที่เคารพ สักการะและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของ ลูกพระนางมายาวนานกว่า ๗๕ ปี ดังนั้นเพื่อเป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ ความเคารพ สักการะและ ความผูกพันของชาวสวนสุนันทา ศิษย์เก่า ตลอดจนประชาชนที่มีความศรัทธาต่อพระองค์ท่านให้ สืบทอดต่อเนื่องและตลอดไปอันยืนนาน ในศาลปราสาทนี้ มูลนิธิฯ ได้เตรียมพื้นที่และจะสร้างแท่นประดิษฐาน ที่ทำด้วยหินอ่อนไว้ในภายใน ปราสาท เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูป ๓ พระองค์ ประกอบด้วย พระบรมรูป พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงอุ้มพระธิดาพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า กรรณาภรณ์เพชรรัตน์ (ตามแบบแท่นประดิษฐานจำลอง แนบมาพร้อมกันนี้) ภาพที่ ๑ ศาลปราสาทศาลสุนันทากุมารีรัตน์จำลอง รูปทรง ๘ เหลี่ยม บริเวณรอบๆ ปราสาทศาลาฯ มีบันใดเข้าประตูศาลปราสาททั้ง ๔ มุข ศาลปราสาทออกแบบให้มีความ เป็นไทยสอดคล้องกับความงดงามในยุคนั้นให้มีความสวยงาม โดยจัดสวนหย่อม สวนดอกไม้และมี ต้นไม้ดั้งเดิมที่ร่มมีความมรื่น มีความสง่าและสวยงามย้อนยุคในความเป็นวังสวนสุนันทา เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๓ มูลนิธิฯ ได้ทำหนังสือถึงกรมศิลปากร เพื่อพิจารณาและขออนุญาต รูปแบบจำลองพระบรมรูป ๓ พระองค์ อธิบดีกรมศิลปากร ได้ลงนามและอนุญาตรูปแบบจำลองที่จะ สร้างพระบรมรูป ๓ พระองค์แล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๔ พร้อมรูปแบบพระแท่นที่ จะอัญเชิญพระบรมรูป ๓ พระองค์ มาประดิษฐานไว้ในศาลปราสาทฯ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ เคารพ สักการะของคณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา ศิษย์เก่า และประชาชนทั่วไป การดำเนินการสร้าง พระบรมรูป ๓ พระองค์ในครั้งนี้ นอกจากได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ แล้ว บุคลากรใน สวนสุนันทาจะได้แสดงความเคารพและสักการะในรัชกาลที่ ๕ และองค์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทา กุมารีรัตน์ อีกทั้งเป็นการให้ชาวไทยได้เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริยและราชวงศ์จักรีให้สืบต่อไป ความเกี่ยวข้องและที่มาภาพสามพระองค์ หลังจากที่คณะกรรมการมูลนิธิสุนันทากุมารีรัตน์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ได้ให้ความเห็นชอบ ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านประติมากรรม อาจารย์กิตติชัย ตรีรัตน์วิชชา เป็นผู้ออกแบบภาพในปี พ.ศ.๒๕๕๔ แต่ยังไม่สามารถได้ดำเนินการใดๆ เนื่องจากยังไม่สามารถหาประติมากรที่มีชื่อเสียง มีผลงานระดับ ประเทศและกรมศิลปากรให้การยอมรับ ต่อมาที่ประชุมกรรมการมูลนิธิฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ./. พ.ศ.๒๕๖๐ มีมติคัดเลือกให้ พันโท นภดล สุวรรณสมบัติ ประติมากร เป็นผู้รับปั้นพระรูป พันโท นภดล สุวรรณสมบัติ เป็นประติมากรที่กรมศิลปากรรับรอง มีผลงานปั้นพระรูปต่างๆ มากมาย พันโท นภดล สุวรรณสมบัติ จึงได้นำภาพที่ออกแบบไว้แล้ว ไปทำการศึกษา ค้นคว้าและหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ เกี่ยวข้องกับ ๓ พระองค์ ทั้งด้านวันเวลา เดือนปี ที่ ๓ พระองค์ทรงฉายภาพ ด้านกายภาพ ขนาด ทรวดทรงและความสูงขนาดเท่าพระองค์จริง ลักษณะรูปภาพ เครื่องฉลองพระองค์ที่ทรงเครื่องเต็มยศ เพื่อให้ตรงกับข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง เมื่อ พันโท นภดล สุวรรณสมบัติ ได้รับมอบหมายให้เป็นประติมากร ท่านได้ไปดำเนินการปรับปรุงการ ออกแบบภาพพระบรมฉายาลักษณ์ การออกแบบพระรูปทั้ง ๓ พระองค์นั้น พันโท นภดล สุวรรณ สมบัติ ได้ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลทั้ง ๓ พระองค์เพิ่มเติม เพื่อให้มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับทั้ง ๓ พระองค์มี ความถูกต้องตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ สรุปได้ดังนี้ ลำดับที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ พระราชสมภพเมื่อวันอังคารที่ ๒๐ กันยายน ๒๓๙๖ ในภาพที่ ๑ เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่ได้คัดเลือกมาใช้ในการออกแบบพระรูปพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ที่เหมาะสม ทั้งเครื่องทรง รูปพระพักตร์ตามมีพระชนมายุ ๓๓ พรรษา ซึ่งเป็นภาพวาดลายเส้นของนายคาร์ล บ็อค เป็นชาวนอร์เวย์ ที่วาดจากภาพถ่ายทรงยืนระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๔๒๔-๒๔๒๕ ส่วนภาพที่ ๒ ในคราวเดียวกับภาพที่ ๑ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงฉายกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรา วชิรุณหิสฯ ขณะนั้นเป็นงานฉลองพระนคร ๑๐๐ ปี (๒๔๒๔-๒๔๒๕) และภาพที่ ๓ เป็นพระบรม ฉายาลักษณ์ภาพวาดจาก Le Monde Illustrate ปีพ.ศ.๒๔๒๕ พระบาทสมเด็จ พระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ทรงอุ้มพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภ รณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ อรรคราชกุมารี (ที่มา เอนก นาวิกมูล. ประมวลภาพพระปิย มหาราช, ๒๕๕๕, น.๑๙๖ – ๑๙๗) และพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัวฯ เป็นภาพวาดลายเส้น (ที่มา ไกรฤกษ์ นานา. พระพุทธเจ้าหลวงในโลกตะวันตก, ๒๕๔๗ อ้างจาก Illustrated, London News, ๑๘๘๒ (พ.ศ.๒๔๒๔). รายละเอียดของภาพประกอบปรากฎในภาพที่ ๑ ภาพที่ ๑ พระรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ มีพระชนมายุ ๓๓ พรรษา เป็นภาพวาด ลายเส้นของนายคาร์ล บ็อค เป็นชาวนอร์เวย์ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๒๔-๒๔๒๕ ภาพที่ ๒ พระรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเจ้าอยู่หัวฯ กับพระลูกยาเธอฯ (ไกรฤกษ์ นานา, พระพุทธเจ้าหลวงในโลกตะวันตก, ๒๕๔๗, อ้างจาก Illustrated London News, ๑๘๘๒(พ.ศ.๒๔๒๔) ภาพที่ ๓ พระบรมฉายาลักษณ์ภาพวาดลายเส้นจาก Le Monde Illustrate ปีพ.ศ.๒๔๒๕ (ค.ศ.๑๘๘๒) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ทรงอุ้มพระเจ้า ลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางค์ทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี (ที่มาไกรฤกษ์ นานา, พระพุทธเจ้าหลวงในโลกตะวันตก, ๒๕๔๗, อ้างจาก Illustrated London News, ๑๘๘๒(พ.ศ.๒๔๒๔) น. ๖๐) ภาพที่ ๔ พระบรมฉายาลักษณ์ภาพวาดลายเส้นจาก llustrated London News, ปีพ.ศ.๒๔๒๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ กับสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ (ที่มา ไกรฤกษ์ นานา, พระพุทธเจ้าหลวงในโลกตะวันตก, ๒๕๔๗, น. ๖๑. อ้างจาก Illustrated London News, ๑๘๘๒) ลำดับที่ ๒ พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พระองค์ ประสูติเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๐๓ และได้รับการสถาปนาให้เป็นพระอัครมเหสีองค์แรกในรัชกาลที่ ๕ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๘ ขณะที่มีพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ มีพระ ชนมายุได้ ๒๘ พรรษา พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ทรงอุ้มพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางค์ทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี ขณะนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสุ นันทากุมารีรัตน์ฯ มีพระชนมายุได้ ๒๑ พรรษา ก่อนที่ทั้งสองพรองค์จะสวรรคตพร้อมกันในคราเสด็จ พระชลมารค เมื่อวันจันทร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๓ ลำดับที่ ๓ พระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์โสภางค์ทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี ประสูติเมื่อปีพ.ศ.๒๔๒๐ ได้สิ้นพระชนม์ร่วมกับพระชนนี สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทา กุมารีรัตน์ฯ ในขณะที่พระเจ้าลูกเธอฯ มีพระชมายุได้ ๑ ปี ๙ เดือน ๒๐ วันหรือประมาณ ๒ ขวบ ใน ขณะที่พระชนนี สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ มีพระชนมายุ ๒๑ พรรษา จากความและข้อมูลดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการมูลนิธิสุนันทากุมารีรัตน์ จึงได้อนุมัติให้พันโท นภดล สุวรรณสมบัติ ให้เป็นเป็นปฏิมากรผู้ปั้นพระรูป ทั้ง ๓ พระองค์ ตามภาพที่ ๖ และพระรูปปั้นจำลอง ใน ภาพที่ ๗ ดังนี้ ภาพที่ ๖ พระบรมรูป ๓ พระองค์ ภาพที่ ๗ รูปปั้นจำลอง ๓ พระรูป มูลนิธิฯ ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร ในการจัดสร้างพระบรมรูป ๓ พระองค์ พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากร รณาภรณ์เพ็ชรรัตน์โสภางค์ทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารีแล้ว รวมทั้งขออนุญาตได้นำไปจัดสร้างพระบรมรูปขนาด ๙ นิ้ว และขนาด ๑๕ นิ้ว ตามจำนวนที่สั่งจองของ คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา ศิษย์เก่าสวนสุนันทาและประชาชนทั่วไป ได้นำไปบูชาและสักการะ ส่วน รายได้จากการจำหน่าย มูลนิธิฯ จะนำไปสมทบกองทุนการจัดสร้างพระบรมรูปเท่าพระองค์จริงและ ดำเนินการกิจกรรมต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ต่อไป —————————–